เรื่องราวชีวิตน่าเศร้าของช้างไทยในปัจจุบัน โดนผลกระทบโควิดนานถึง2ปี ณ หมู่บ้านตากลาง-บ้านตากลางตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์

 

เรื่องราวชีวิตน่าเศร้าของช้างไทยในปัจจุบัน โดนผลกระทบโควิดนานถึง2ปี ณ หมู่บ้านตากลาง-บ้านตากลางตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์

 


บ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ มีช้างกว่า 500-600 เชือกที่ควาญช้างชาวกูยเคยพาไปหากินทั่วประเทศ ต้องคืนถิ่นกลับบ้าน ที่นี่เคยเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวเข้ามาบ่อยๆ และเป็นแหล่งอาศัยของช้างที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทยหรืออาจจะมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ ในขณะเดียวกันป่าก็เริ่มเสื่อมโทรมจนไม่สามารถให้ช้างหากินเองได้

 




ปัจจุบันมีหน่วยงานหลักๆ ที่รับดูแลช้างและควาญช้างเหล่านี้อยู่เพียงไม่กี่แห่ง ได้แก่ องค์การสวนสัตว์ฯ ที่จัดตั้ง ศูนย์คชอาณาจักร รับดูแลช้างได้ประมาณ 200 เชือก โดยมีบ้านให้ควาญช้างและครอบครัวอยู่อาศัย มีที่ดินให้ปลูกหญ้านีเปียร์เพื่อเป็นอาหารให้ช้างกินฟรี อยู่สบาย

 




อบจ.สุรินทร์ จัดตั้ง ศูนย์คชศึกษา รับดูแลช้างได้ประมาณ 80 เชือก มีเงินเดือนค่าดูแลให้ช้างเดือนละ 10,000 บาท  แต่ก็รับได้เพียงแค่นี้ตามงบประมาณที่มีอยู่




 ส่วนที่เหลือคือช้างตกงานจะอยู่ในความดูแลของวัดป่าอาเจียง อยู่กันตามสภาพ

 



ในช่วงโควิดมีการระบาดเกิดขึ้นเริ่มมีการไลฟ์สดหาเงินช่วยเหลือช้าง บ้างก็เป็นยูทูป รับบริจาคหาเลี้ยงชีพกันไป บ้างก็อาศัยญาติพี่น้องคอยช่วยดูแลกัน ในแต่ละปีแม้จะมีช้างตกลูกหลายเชือกก็จริง แต่เนื่องจากเป็นช้างบ้าน สายพันธุ์ที่ใกล้ชิดกันเกินไปจึงอาจทำให้ช้างอ่อนแอไม่สมบูรณ์มีโอกาสที่จะสูญพันธุ์ได้ในอนาคต

 



ปัญหาของช้างยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น ช้างหนึ่งเชือกจะยอมรับควาญช้างเพียงหนึ่งหรือสองคนเท่านั้น หากควาญช้างเป็นอะไรไปช้างก็ลำบากเพราะไม่มีใครบังคับช้างได้

 


ปัจจุบันชาวกูยที่เป็นหมอช้างหรือที่เรียกว่า พระครูปะกำ รวมทั้ง พระมอเฒ่าหรือหมอช้างสูงสุด ผู้ที่จะคอยสืบทอดพิธีกรรมศาสตร์เกี่ยวกับช้างทั้งการจับช้างป่าหรืออื่นๆ มีอยู่เพียงห้าคนที่ยังมีชีวิต ผู้ที่จะเรียนวิชาเป็นหมอช้างหรือพระครูปะกำได้ มีเงื่อนไขว่าต้องเคยจับช้างป่าได้อย่างน้อยสามเชือกขึ้นไป จึงจะได้รับการถ่ายทอดวิชา (ปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถทำได้)

 


ทั้งนี้มีหลายปัญหาที่กำลังรอการแก้ไขและขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นๆ ที่สามารถช่วยเหลือช้างไทยคู่บ้านคู่เมืองของเราและไม่ทำให้ช้างไทยต้องตายไปเพราะไม่ได้รับการดูแลทุกๆตัว ในสถานการณ์ตอนนี้เป็นไปได้ยากที่จะกลับมาสู่สภาพปกติ นักท่องเที่ยวเริ่มลดลงจึงทำให้สถานท่องเที่ยวแห่งนี้ที่เคยเป็นช่วงเวลาอันแสนสนุกต้องกลายเป็นฝันร้ายของช้างไทยกันเลยทีเดียว รวมถึงหมู่บ้านที่ดูแลช้างก็เริ่มท้อแท้ไปตามๆ กัน จึงจำต้องอาศัยหน่วยงานต่าง ๆ ตลอดจนผู้ใจบุญยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ก้องหล้า ภูวดลอานนท์” บิ๊กบอส ภูฟ้า เอ็นเตอร์ไพรส์ เปิดตัวสถานบำบัดและพักฟื้นผู้ติดยาเสพติดภาคเอกชนสาขาสอง “สวรรค์-อินเตอร์เนชั่นแนล หัวหิน” ช่วยสังคม ”คืนคนรัก..กลับคืนสู่ครอบครัว”

ททท. จับมือพันธมิตรชวนเที่ยวปังพลังมู New Destination of Mutelu in Bangkok @ Phenix

แถลงการณ์ชี้แจงอย่างเป็นทางการจากบริษัท Myanmar Yatai International Holding Group Company Limited: