“ชิม ชินวิริยกุล” นายกสมาคมแต้จิ๋วฯคนใหม่เดินหน้าส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-จีน-อาเซียน
“ชิม ชินวิริยกุล” นายกสมาคมแต้จิ๋วฯคนใหม่เดินหน้าขับเคลื่อนสมาคมพร้อมส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-จีน-อาเซียน
“ชิม
ชินวิริยกุล” นายกสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทยคนใหม่
เดินหน้าขับเคลื่อนสมาคมในโอกาสครบรอบ 84 ปี
ชูนโยบายกระชับความสัมพันธ์ไทย-จีนและอาเซียน หนุนภาคการค้า
ท่องเที่ยวและส่งเสริมวัฒนธรรม พร้อมผลักดันจัดตั้งสมาคมแต้จิ๋วอาเซียน
เล็งพัฒนาพื้นที่ของสมาคม 138 ไร่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
มีสวนสาธารณะกลางเมืองเพื่อเป็นที่พักผ่อนของคนกรุงเทพฯ
นายชิม
ชินวิริยกุล นายกสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย เข้ารับตำแหน่งนายกสมาคมฯ คนใหม่
ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2565 ต่อจากนายแสงชัย โสตถีวรกุล นายกสมาคมฯ
คนเก่าซึ่งหมดวาระลง โดยนายชิม ชินวิริยกุล รับตำแหน่งนายกสมาคมพร้อมคณะกรรมการสมัยที่
41 ของสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย
ในงานมีนายแพทย์เกษม
วัฒนชัย องคมนตรี , นายหาน จื้อเฉียง
เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย , นายวิสิทธิ์ ลีละศิธร และนายไกรสร จันศิริ
นายกกิตติมศักดิ์ถาวรสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย เข้าร่วมแสดงความยินดี
นายแพทย์เกษม
วัฒนชัย องคมนตรี กล่าวว่า
ขอแสดงความยินดีกับคณะกรรมการชุดใหม่และเชื่อมั่นในศักยภาพของนายกสมาคมคนใหม่
และมองเห็นแนวทางสร้างความสัมพันธ์ในภูมิภาค และสร้างกิจกรรมดีๆ ให้แก่บ้านเมือง
รวมถึงเป็นศูนย์กลางแห่งชาติอาเซียน 10 ประเทศ ซึ่งมีคนแต้จิ๋วอยู่เป็นจำนวนมาก
นายชิม
ชินวิริยกุล นายกสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย กล่าวว่า
ต้องขอขอบคุณทุกท่านและทุกฝ่ายที่สนับสนุนในการเข้ารับตำแหน่งของตน
นอกจากนี้ต้องขอขอบคุณอดีตนายกสมาคมและคณะกรรมการสมาคมคนก่อนๆ
ซึ่งได้เสียสละเพื่อสมาคมมาก ช่วยกันพัฒนาและบริจาคเงินให้สมาคมมากมาย
เพื่อคนด้อยโอกาสกว่าในสังคมให้มีความสุข
ซึ่งในช่วงการดำรงตำแหน่งในฐานะนายกสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย
ตนจะมุ่งทำงานเพื่อผลักดันให้สมาคมฯ มีความก้าวหน้า
และสมาชิกได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งหากนับจนถึงวันนี้
สมาคมฯ ก่อตั้งมาแล้วไม่น้อยกว่า 100 ปี แต่จดทะเบียนจัดตั้งสมาคมฯ รวมระยะเวลา 84
ปี
เป้าหมายตั้งแต่แรกของการก่อตั้งสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทยซึ่งมีอายุยาวนานนับร้อยปี
เพื่อเอื้อเฟื้อดูแลช่วยชาวจีนโพ้นทะเลที่ยากจนที่เข้ามาอยู่ในไทย
นโยบายช่วยเหลือคนด้อยโอกาส ผมจึงมุ่งสานต่อนโยบายนี้
แต่ไม่ใช่แค่ช่วยเหลือชาวจีนโพ้นทะเล แต่ต้องการช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ไทยจีน
เช่นวันนี้ท่านทูตจีนให้ความสำคัญมากในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกัน
เพื่อความสัมพันธ์ที่ก้าวหน้า ส่งเสริมวัฒนธรรม
ปัจจุบันสมาคมเราช่วยในการดูแลมีศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ
เป็นศาลเจ้าแต้จิ๋วเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย อายุกว่า 300 ปี
ตั้งอยู่ในย่านเยาวราช และศาลเจ้าเล่าปุนเถ้าที่ทรงวาด
มีโรงเรียนเผยอิงที่เก่าแก่เกือบ 100 ปี เรามี 4 โรงเรียนที่ดูแล
พร้อมให้ความสำคัญกับเรื่อง “เกิด อยู่ เจ็บ ตาย” หาที่มั่นทางใจ ให้การศึกษา
การส่งเสริมนักเรียนแลกเปลี่ยน
และเพื่อศึกษาศิลปวัฒนธรรมเก่าแก่ให้คงอยู่ สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น
สำหรับพื้นที่ในความดูแลของของสมาคมแต้จิ๋วมีพื้นที่ถึง
138 ไร่ เรียกว่าเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่มากใจกลางเมือง
ตนจึงคิดว่าจะพัฒนาอย่างไรในอนาคต เช่นอาจจะพัฒนาบางส่วนเพื่อใช้ประโยชน์ อีกส่วนจะพัฒนาเป็นสวนสาธารณะใจกลางกรุงเทพฯให้ประชาชนได้มีสถานที่พักผ่อน
นายชิมกล่าวว่า
สำหรับสมาคมแต้จิ๋วในไทยนั้น มีคนแต้จิ๋วโพ้นทะเลมากที่สุดในอาเซียน
และเป็นสมาคมแต้จิ๋วที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน
ตนจึงอยากก่อตั้งเป็นสมาคมแต้จิ๋วอาเซียน ดึงแต้จิ๋วทุกประเทศในย่านนี้มารวมเป็นกลุ่ม
เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกัน
จากนี้ตนพร้อมส่งเสริมเดินหน้าการฟื้นเศรษฐกิจ
การค้า การลงทุน การนำเข้า/ส่งออก การคมนาคม การท่องเที่ยว
เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไป
ขณะเดียวกันก็มุ่งเน้นความสัมพันธ์ไทยและจีน
ผลักดันธุรกิจระหว่างประเทศ เช่น ประเทศจีนเป็นโรงงานของโลก
ส่วนไทยเราก็เป็นแหล่งเกษตรกรรมของโลก เรามีสวนมะม่วง สวนทุเรียน
ทำอย่างไรให้พืชผลของเราสร้างมูลค่าออกไป ไม่เพียงกับจีน แต่ยังทำการค้ากับอาเซียน
10 ประเทศด้วย
“ด้านการท่องเที่ยว
ไทยยังเป็นศูนย์กลางด้านท่องเที่ยว และภาคการท่องเที่ยวเป็นหัวใจของเศรษฐกิจไทย
ผมจึงคิดว่าอยากให้รัฐสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวดีกว่าส่งเสริมโรงงานอุตสาหกรรมเก่าๆ
ที่สร้างมลภาวะ บ้านเรามีธรรมชาติ มีทิวทัศน์ มีบุคลากรภาคการบริการ
พร้อมเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว และ เป็นรายได้หลักของประเทศ
ซึ่งจุดนี้ผมก็พร้อมส่งเสริมต่อไป” นายชิมกล่าว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น