กรมประมง...ชี้แจง การดำเนินการตามมาตรา 57 แห่ง พ.ร.ก. การประมง พ.ศ. 2558 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
กรมประมง...ชี้แจง การดำเนินการตามมาตรา
57 แห่ง พ.ร.ก. การประมง พ.ศ. 2558
และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
จากกรณีสมาคมรักษ์ทะเลไทย
และสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย
เรียกร้องให้ภาครัฐเร่งรัดกระบวนการคุ้มครองสัตว์น้ำเศรษฐกิจวัยอ่อน และขนาดเล็ก
เพื่อแก้วิกฤตทรัพยากรประมง นั้น
นายเฉลิมชัย
สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง ชี้แจงว่า การดำเนินการแก้ไขปัญหาการจับสัตว์น้ำวัยอ่อนในช่วงที่ผ่านมานั้น
กรมประมง ได้ดำเนินการในหลายวิธี เช่น การประกาศปิดอ่าว ในช่วงฤดูกาลสัตว์น้ำมีไข่
วางไข่ และเลี้ยงตัววัยอ่อน การกำหนดห้ามมิให้อวนล้อมจับที่มีขนาดตาอวนเล็กกว่า
2.5 เซนติเมตร ทำการประมงในเวลากลางคืน การกำหนดขนาดตาอวนก้นถุงของเรืออวนลาก
ไม่น้อยกว่า 4 เซนติเมตร การกำหนดขนาดตาอวนครอบหมึก ไม่น้อยกว่า 3.2 เซนติเมตร
การกำหนดขนาดตาอวนครอบปลากะตัก ไม่น้อยกว่า 0.6 เซนติเมตร
และการกำหนดตาอวนของลอบปู ไม่น้อยกว่า 2.5 นิ้ว เป็นต้น
เพื่อให้สอดคล้องกับการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ
ภายใต้การมีส่วนร่วมของพี่น้องชาวประมง ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่มีการบังคับใช้
พ.ร.ก. การประมง พ.ศ. 2558
สำหรับการประกาศตามมาตรา
57
ห้ามมิให้ผู้ใดจับสัตว์น้ำหรือนำสัตว์น้ำที่มีขนาดเล็กกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดขึ้นเรือประมงนั้น
ต้องคำนึงถึงสภาพธรรมชาติและความหลากหลายของสัตว์น้ำ
เพราะในประเทศไทยเครื่องมือประมงที่ใช้ไม่สามารถเลือกจับสัตว์น้ำเป็นรายชนิดได้อย่างชัดเจน
เนื่องจากตั้งอยู่ในเขตร้อน มีความหลากหลายของชนิดสัตว์น้ำมาก
ส่งผลให้การทำประมงในแต่ละครั้งสามารถจับสัตว์น้ำได้มีความหลากหลายทั้งชนิดและขนาด
ซึ่งแตกต่างจากการทำประมงในเขตอบอุ่นที่มีความหลากหลายของสัตว์น้ำน้อยกว่า
จึงสามารถเลือกจับสัตว์น้ำเป็นรายชนิดในการทำประมงแต่ละครั้งได้
ขณะที่ข้อกำหนดของมาตรา 57
หากพบสัตว์น้ำขนาดเล็กบนเรือประมงแม้เพียงตัวเดียวหรือชนิดเดียวก็มีความผิด จึงต้องใช้บทบัญญัติตามมาตรา
71(2) ประกอบด้วย
เพื่อให้สามารถออกข้อกำหนดที่ต้องปฏิบัติเกี่ยวกับสัตว์น้ำที่ถูกจับได้โดยบังเอิญ
จึงจะสามารถนำไปสู่การควบคุมตามกฎหมายได้
ในปี
พ.ศ 2563
กรมประมงจึงได้แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาการกำหนดมาตรการควบคุมการจับสัตว์น้ำขนาดเล็ก
เพื่อกำหนดให้ชนิดและขนาดที่เหมาะสมของสัตว์น้ำเศรษฐกิจ
ที่จะใช้กำหนดมาตรการอนุรักษ์และบริหารจัดการ
ตามมาตรา 57 และ 71(2)
พร้อมทั้งเสนอหลักเกณฑ์ในการกำหนดร้อยละของสัตว์น้ำขนาดเล็ก
สำหรับเป็นแนวทางในการประกาศกำหนดการจับ หรือการนำสัตว์น้ำขนาดเล็กขึ้นเรือประมง
ซึ่งได้ผลการศึกษาที่นำมากำหนดได้ คือ
1. กำหนดชนิดสัตว์น้ำเพื่อนำร่องกำหนดมาตรการ ได้แก่ ปลาทู - ลัง และปูม้า
2.
กำหนดความยาวขนาดเล็กที่ห้ามจับปลาทู - ลัง เท่ากับ 15 เซนติเมตร ปูม้า 8.5
เซนติเมตร
3.
กำหนดร้อยละสัตว์น้ำขนาดเล็กที่ห้ามจับ
ทั้งนี้
กรมประมงได้เคยจัดประชุมนำเสนอผลการศึกษาและรับฟังความคิดเห็น
การกำหนดมาตรการควบคุมการจับสัตว์น้ำขนาดเล็ก
ต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงพาณิชย์และการประมงนอกน่านน้ำไทย
คณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงพื้นบ้าน
ซึ่งที่ประชุมประกอบด้วยผู้แทนจากสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย
สมาคมการประมงระดับท้องถิ่นต่าง ๆ อาจารย์คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
และเจ้าหน้าที่ของกรมประมง ไปแล้วจำนวน 4 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2564 - 2565
แต่ยังไม่ได้ข้อยุติที่เหมาะสมที่จะนำไปปฏิบัติได้จริง
อธิบดีกรมประมง
กล่าวในตอนท้ายว่า การปฏิบัติการควบคุมการทำประมง โดยการใช้กฎหมายนั้น
จะต้องสามารถทำได้ทั้งผู้ที่กฎหมายบังคับ
และเจ้าหน้าที่จะต้องทำหน้าที่ควบคุมให้เป็นไปตามแนวทางนั้นด้วย
ซึ่งกรมประมงจะเร่งดำเนินการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย
และสมาคมสมาพันธ์ประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย รวมถึงผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน
เพื่อให้ได้แนวทางในการกำหนดมาตรการที่เป็นที่ยอมรับ ของผู้เกี่ยวข้องต่อไป
โดยหลังจากนี้ขอความร่วมมือให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น