กินเที่ยวทั่วไทยไปกับพี่หนุ่ม’สุทน รุ่งธัญรัตน์ พาท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมวิถีชีวิตชุมชนบ้านวังส้มซ่าริมน้ำน่านเมืองพิษณุโลกกราบบูชาองค์เจ้าแม่ทับทิม
กินเที่ยวทั่วไทยไปกับพี่หนุ่ม’สุทน
รุ่งธัญรัตน์ พาท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมวิถีชีวิตชุมชนบ้านวังส้มซ่าริมน้ำน่านเมืองพิษณุโลกกราบบูชาองค์เจ้าแม่ทับทิม
วันนี้ผมขอพาไปสัมผัสวิถีชีวิตชุมชน
"บ้านวังส้มซ่า" ริมน้ำน่าน ตำบลท่าโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
ผมได้มีโอกาสกลับไปเที่ยวที่ "บ้านวังส้มซ่า" อีกครั้ง วันนี้ผมเลยมีเรื่องของบ้านวังส้มซ่ามาเล่าให้ฟังเผื่อท่านสนใจอยากจะไปเที่ยวเพราะว่าฟังแค่ชื่อก็คง อยากจะไปเที่ยวกันแล้วใช่ไหมล่ะครับ
ก่อนอื่นผมขอเล่าประวัติความเป็นมาของ
"ชุมชนบ้านวังส้มซ่า"
ที่เริ่มขึ้นในสมัยปลายแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ครั้งนั้นมีชาวจีนเกาะไหหลำจากจีนแผ่นดินใหญ่อพยพมาทางเรือสำเภาเข้ามาในลำน้ำน่านเมืองสองแคว-พิษณุโลก
ก็พบทำเลเหมาะสมจึงตั้งบ้านเรือนริมน้ำน่านแล้วปลูกต้นส้มซ่าเพื่อใช้เป็นยาสมุนไพรตามความเชื่อของชาวจีนเกาะไหหลำเพื่อใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บได้
ส้มซ่า
เป็นต้นไม้ที่ปลูกกันมากที่นี่มาอย่างที่เล่าจนเป็นชื่อหมู่บ้านว่า "บ้านวังส้มซ่า"
นอกจากชุมชนที่นี่จะมีอาชีพทางเกษตรกรรมแล้วก็ยังมีจับปลาหากินหาขายในลำน้ำน่าน
ชุมชนนี้ต่อมาได้จัดสร้างเจ้าศาลเจ้าซึ่งเป็นศาลเจ้าไม้เล็กๆ
ประดิษฐานองค์เจ้าแม่ทับทิม
ซึ่งอัญเชิญมาจากเกาะไหหลำแกะสลักด้วยไม้ซึ่งน่าจะเป็นไม้จันทน์หอม
"ศาลเจ้าแม่ทับทิม"
นี่จึงเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวชุมชนริมน้ำน่านและถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่ชุมชนบ้านวังส้มซ่ามาเกิน
100 ปี พ่อค้า แม่ค้าจะมากราบบูชาขอพรส่วนใหญ่ขอให้ค้าขายดีหรือกิจการเจริญรุ่งเรือง
ผู้ดูแลศาลเจ้าเล่าเรื่องราวให้ฟังว่าส่วนใหญ่จะได้ผลสำเร็จดีมาก
ซึ่งทุกปีของเดือนเมษายนจะมีประเพณีลอยเรือสำเภาในลำน้ำน่านเพื่อบูชาองค์เจ้าแม่ทับทิมและเป็นการปล่อยหรือลอยเคราะห์ไปกับสายน้ำท่านผู้อ่านไปเที่ยวบ้านวังส้มซ่าก็ขอพรได้ครับ
สำหรับผมก็ไม่พลาดครับได้กราบบูชาขอพรต่อหน้า "องค์เจ้าแม่ทับทิม"
ด้วยเช่นกันครับ
"บ้านวังส้มซ่า"
ตำบลท่าโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุ อยู่ริมน้ำน่าน เพราะฉะนั้นบรรยากาศของบ้านวังส้มซ่าก็มีความสวยงามของธรรมชาติริมน้ำน่านโดยเฉพาะช่วงเวลาตอนเช้าและตอนเย็นๆ
แสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณและยามพบค่ำนั้นสวยงามมากๆครับและวันนี้
ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวของเมืองพิษณุโลกน่าท่องเที่ยวครับ
ที่สำคัญได้กินอาหารท้องถิ่นของที่นี้ด้วยครับ มีข้าวห่อใบบัว
กะหล่ำปีไข่ลาวารสชาติเนื้อกะหล่ำปีนุ่มมากบวกกับไข่ลาวาอยู่ในกะหล่ำปี
แล้วยังมีน้ำพริกท้องถิ่นกินกับผักสดอร่อยถูกปากเหลือเกินและที่สำคัญพลาดไม่ได้ต้องมีครับ
"น้ำส้มซ่าปั่น" ใช่โซดาเย็นซ่าๆ สดชื่นจริงๆ
โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2565 และเดือนมกราคม 2566 อากาศเย็นสบายๆ
กะหล่ำปีจะออกผลผลิตมาก ทำให้เมนูที่ผมบอกกลายเป็นเมนูยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไปถึงที่บ้านวังส้มซ่าจะต้องได้ลิ้มลองกันแทบทุกคน
เที่ยวหน้าหนาวนี้ที่บ้านวังส้มซ่ามันซาบซ่าสุขใจมากครับ
ก่อนกลับก็มีของฝากจาก
"บ้านวังส้มซ่า" ให้เลยลองซื้อหาติดฝากมาให้ฝากมือไปฝากญาติสนิทมิตรสหาย
เช่น เครื่องสำอางต่างๆ โดยเฉพาะครีมบำรุงผิวคุณภาพยอดเยี่ยมหรือประเภทยาดม
มีกลิ่นหอมชื่นใจ เป็นของฝากที่ดีเลยนะครับ
หากผู้อ่านได้มีโอกาสเดินทางมาก็อย่าลืมเลือกซื้อสินค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ส้มซ่าในวิสาหกิจชุมชน
อุดหนุนชาวบ้านกระจ่ายรายได้สู่ชุมชนครับ
"ชาวบ้านวังส้มซ่า"
มีวิถีชีวิตเป็นชาวประมงน้ำจืด
ปลูกต้มส้มซ่าแต่เดิมมีมากแต่ส้มซ่าไม่ใช่พืชเศรษฐกิจดังนั้นผู้มีความรู้ด้านเครื่องดื่มเย็นๆ
และเครื่องสำอางจึงเข้ามาส่งเสริมให้ชาวบ้านได้เรียนรู้เรื่องผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของสัมซ่าถือว่าประสบผลสำเร็จดีมาก
ส่วนกะหล่ำปลีนั้นย้อนกลับไปประมาณ 15-20 ปี
ชาวไต้หวันได้ส่งพันธุ์กะหล่ำปลีมาให้ญาติที่บ้านวังส้มซ่าทดลองปลูก
ปรากฏว่าได้ผลผลิตดีมากเพราะมีดินดีน้ำดีและอากาศดี เรียกว่า 3 ดี
ทุกวันนี้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจของบ้านวังส้มซ่า
โดยทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์เปิดให้ผู้สนใจเดินทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวบ้านวังส้มซ่าริมน้ำน่าน
พื้นดินอุดมสมบูรณ์ปลูกผักผลไม้ที่ปลอดภัยหรือปลอดสารพิษได้ผลผลิตดีครับ
ท่านผู้อ่านถ้าหากสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพิษณุโลก โทรศัพท์ 055-252742-3 หรือ
097-0721838 ได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.
ขอขอบคุณ
ผอ.ญาติกา แก้วบริสุทธิ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพิษณุโลก
ที่ให้การต้อนรับคณะสื่อมวลชนจากส่วนกลางเป็นอย่างดีเยี่ยม "กินเที่ยวทั่วไทย
เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้ ถ้าอยากรู้ต้องออกเดินทางไป...กับ...ผมหนุ่ม-สุทน”
แล้วฝากติดตามฟังรายการ "กินเที่ยวทั่วไทยไปกับพี่หนุ่ม-สุทน
รุ่งธัญรัตน์" ทางคลื่นข่าว fm 100.5 mhz ฟังเรื่องเล่าประวัติศาสตร์ วิถีชุมชน
วัฒนธรรมและอาหารถิ่นของชุมชนได้ทุกวันอาทิตย์เวลา 10.10-11.00 น. ขอบคุณและสวัสดีครับ
เรื่องและภาพโดย
: หนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์
แฟนเพจเฟซบุ๊ค
: https://www.facebook.com/sutonfm100.5/
ติดตามฟังเรื่องราวการเดินทางเที่ยวทั่วไทยทางคลื่นข่าว100.5fm ทุกวันอาทิตย์เวลา 10.10-11.00 น.
ติดต่อวิทยากรด้านการท่องเที่ยวได้ที่ได้ที่แฟนเพจเฟซบุ๊ค
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น